วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2557

อุบัติเหตุช่วงปีใหม่ ลดได้ถ้าไม่ประมาท

 เพื่อนๆคนขันรถทุกท่านและรถรับจ้างควรรู้กันไว้นะครับ
กรมการขนส่งทางบก เผยช่วงเทศกาลปีใหม่ เฉพาะวันที่ 27-30 ธันวาคมนี้ มีประชาชนร้องเรียนผ่านศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 กว่า 100 ราย ความผิดส่วนใหญ่ คือขับรถประมาท สาหรับจุดตรวจความพร้อม พบ รถโดยสารสาธารณะไม่ปลอดภัย 225 คัน
นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 27-30 ธันวาคม 2556 มีประชาชนร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะผ่านศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 จานวน 124 ราย ความผิดส่วนใหญ่ ได้แก่ ขับรถประมาทน่าหวาดเสียว ทิ้งผู้โดยสาร/ไม่จอดรับผู้โดยสาร แสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ/แต่งกายไม่เรียบร้อย และเก็บค่าโดยสารเกิน/ขายตั๋วเกินราคา ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้ดาเนินการตามกฎหมายแล้วทุกราย
นายอัฌษไธค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการขนส่งทางบกได้จัดเจ้าหน้าที่ของสานักงานขนส่งทุกแห่ง และเจ้าหน้าที่ตรวจการขนส่งประจาตามจุดต่าง ๆ และที่สถานีขนส่งผู้โดยสารทั่วประเทศ ออกตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะทุกจังหวัดทั่วประเทศ เฉพาะวันที่ 27-30 ธันวาคม 2556 ได้ตรวจสอบสภาพความพร้อมรถโดยสารสาธารณะ จานวน 70,522 คัน พบรถโดยสารสาธารณะที่อุปกรณ์และส่วนควบไม่พร้อม 225 คัน จึงเปรียบเทียบปรับ และออกคาสั่งผู้ตรวจการให้ดาเนินการให้ถูกต้อง พร้อมกันนี้ยังได้ ตรวจความพร้อมด้านร่างกายของพนักงานขับรถโดยสาร จานวน 71,426 ราย พบกระทาผิด จานวน 171 ราย ความผิดส่วนใหญ่ ได้แก่ แต่งกายไม่เรียบร้อย/แสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ การมีใบอนุญาตขับรถ และตรวจสอบระยะเวลาในการขับรถ ได้เปรียบเทียบปรับ ตักเตือน และออกคาสั่งผู้ตรวจการให้เปลี่ยนพนักงานขับรถ และนาตัวส่งเจ้าพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ ผู้ขับรถโดยสารสาธารณะ แอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์ ต้องขับรถติดต่อกันไม่เกิน 4 ชั่วโมง และหยุดพักไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมง จึงจะสามารถขับรถต่อไปได้ ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 5,000 บาท

นอกจากนี้เพื่อเป็นการอานวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ กรมการขนส่งทางบกยังได้จัดตั้ง ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะฯ เฉพาะกิจ ณ กรมการขนส่งทางบก สถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต เอกมัย สายใต้ และสถานีขนส่งผู้โดยสารทั่วประเทศ ให้บริการรับเรื่องร้องเรียนและแก้ไขปัญหาการให้บริการของรถโดยสารสาธารณะทุกประเภททั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 2 มกราคม 2557 พบรถโดยสารสาธารณะไม่ปลอดภัย หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการให้บริการของรถโดยสารสาธารณะ แจ้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 ตลอด 24 ชั่วโมงอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวในที่สุด
ขอให้เพื่อนๆผู้ใช้รถ ใช้ถนนทุกท่านเดินทางปลอดภัยโดยสวัสดิภาพ

วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557

'ขนส่งทางบก' ยันไม่มีแนวคิดเก็บเพิ่มค่าป้ายวงกลม

กรมการขนส่งทางบก แจง ไม่มีแนวคิดปรับเพิ่มค่าภาษีป้ายวงกลม ตามกระแสข่าวในโซเชียลฯ ยันยังเก็บอัตราคงเดิมตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย...
วันที่ 15 ต.ค.57 ​​นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงกรณีที่มีการโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย โดยระบุว่ากรมการขนส่งทางบกกำลังเตรียมปรับอัตราภาษีรถประจำปี ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 และพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 โดยปรับอัตราภาษีตามขนาดความจุกระบอกสูบเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่า จากอัตราภาษีรถประจำปีที่เรียกเก็บในปัจจุบันนั้น
นายธีระพงษ์ เปิดเผยต่อว่า กรมการขนส่งทางบกขอเรียนว่า ขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดเกี่ยวกับการปรับอัตราภาษีรถยนต์ประจำปีตามที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียแต่อย่างใด โดยอัตราภาษีรถยนต์ประจำปีที่เรียกเก็บตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 จะเรียกเก็บตามขนาดความจุกระบอกสูบของรถยนต์ โดยรถยนต์บุคคลธรรมดา (รย.1) ขนาด 1,500 ซีซี จะต้องชำระภาษีรถประจำปี เป็นเงินจำนวน 1,650 บาท ขนาด 1,600 ซีซี อัตราภาษี 1,800 บาท ขนาด 1,800 ซีซี อัตราภาษี 2,100 บาท ขนาด 2,000 ซีซี อัตราภาษี 2,900 บาท ขนาด 2,400 ซีซี อัตราภาษี 4,500 บาท ขนาด 3,000 ซีซี อัตราภาษี 6,900 บาท
ส่วนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (รย.2) และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รย.3 หรือ รถปิกอัพ) จะคิดอัตราภาษีรถตามน้ำหนักรถ โดยรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน ที่มีน้ำหนักรถ 1,800 กิโลกรัม อัตราภาษี 1,600 บาท และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ในกรณีน้ำหนักรถสูงสุดที่ 1,750 กิโลกรัม อัตราภาษีจะอยู่ที่ 1,050 บาทเท่านั้น
"เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดจากการโพสต์ข้อความที่ไม่ถูกต้องในโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับประชาชนเจ้าของรถ หรือกรมการขนส่งทางบก จึงขอความร่วมมือประชาชนได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล รวมทั้งแหล่งที่มาของข้อมูล ก่อนโพสต์ข้อความใดๆ ในโซเชียลมีเดีย ซึ่งหากกรมการขนส่งทางบกมีข้อมูลข่าวสารใดที่ต้องการจะประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนได้รับทราบ ก็จะดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านทางสื่อต่างๆ โดยตรง ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลข่าวสารของกรมการขนส่งทางบกได้จากเว็บไซต์ www.dlt.go.th อีกทางหนึ่งด้วย" อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าว

วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2557

รถรับจ้างประตูสู่พม่า,รถบบรทุกรับจ้างสู่พม่า

นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดตาก เปิดเผยว่า นับถอยหลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในช่วงปลายปี 2558 แต่การพัฒนาอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ยังไม่มีความก้าวหน้า ทั้งโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด และโครงการสร้างสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 อีกทั้งการพัฒนาระบบคมนาคมยังไร้ทิศทาง จนอาจทำให้สูญเสียโอกาสในการพัฒนาระบบ โลจิสติกส์ไป
ขณะที่เส้นทางเมียวดี-กอกาเรก ที่จะเชื่อมต่อจากย่างกุ้งเข้ามายังอำเภอแม่สอด จังหวัดตากได้ด้าเนินการก่อสร้างใกล้เสร็จแล้ว ซึ่งจะมาเชื่อมต่อกับชายแดนไทยผ่านสะพานมิตรภาพไทย-พม่าแห่งที่ 2 แต่การรองรับของฝั่งไทยอยู่ระหว่างการปรับปรุงถนนแม่สอด-ตากเป็น 4 เลนยังไม่เสร็จสมบูรณ์ หนุนเอกชนทำอุโมงค์แม่สอด-ตาก  ทางหอการค้ามองว่าทุกอย่างควรเดินหน้าให้เร็วที่สุด แม้กระทั่งโครงการที่ศึกษากันมาหลายปีอย่างโครงการสร้างอุโมงค์แม่สอด-ตาก หากภาครัฐมองว่า ใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล ก็ต้องบริหารจัดการให้ภาคเอกชนเข้ามาด้าเนินการแทน ไม่เช่นนั้น ระบบโลจิสติกส์ทั้งหมดอาจจะต้องสร้างฐานเข้าไปอยู่ในจังหวัดเมียวดี ประเทศพม่าแทน ซึ่งมีการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเมียวดีมาแล้วกว่า 5 ปี และล่าสุด ได้ตั้งเขตนิคมอุตสาหกรรมเมียวดีด้วย ซึ่งหากว่าภาครัฐของไทยยังเมินเฉยต่อ การเดินหน้าพัฒนาโครงการเหล่านี้ คาดว่า ในอนาคตแทนที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จะเป็นศูนย์กลางกลางรอบด้าน ก็จะกลายเป็น ทางผ่านเท่านั้น
“ไทยมีทุกอย่างในมือ แต่ใช้ไม่เป็นหลายโครงการที่ต้องด้าเนินการ ก็ถูกรื้อศึกษาซ้ำไปมาไม่รู้กี่รอบ ตอนนี้ทุกฝ่ายต้องระดมสมองกัน เมื่อภาครัฐไม่ทำ ควรจะเปิดทางให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุน แต่จะมีการการันตี ความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนด้วย ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มทุนไทย หรือกลุ่มทุนต่างประเทศ งบประมาณหลักหมื่นล้านบาท ที่จะต้องใช้ ลงทุนในโครงการนี้ คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเส้นทางนี้ไม่ได้วิ่งแค่แม่สอด-ตากเท่านั้น แต่เป็นเส้นทางที่เชื่อมโยงระหว่างอาเซียนเข้ายุโรปได้ในอนาคต เป็นเส้นทางเชื่อมโยง ระดับโลก ไม่ใช่เส้นทางเชื่อมภายในจังหวัด อีกทั้ง จะเป็นถนนเศรษฐกิจที่ท้าการค้าระหว่างไทยกับพม่าที่ใกล้ที่สุด นั่นหมายถึง มูลค่าการค้าระหว่างไทย-พม่าคงไม่ได้หยุด อยู่ที่ปีละหมื่นล้านบาท แต่มีแนวโน้มที่จะพุ่งเกินแสนล้านบาทในอนาคตอันใกล้นี้” นายบรรพต กล่าว
นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวว่า โครงการเจาะอุโมงค์ เส้นทางแม่สอด-ตาก ได้รับการเห็นชอบ จากมติคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดอุตรดิตถ์เมื่อปี 2556 และอยู่ในการดูแลของสภาพัฒน์ และกรมทางหลวง ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่ต้องใช้งบประมาณลงทุนร่วม 30,000 ล้านบาท โดยการน้ำเสนอผลการศึกษานั้น เป็นอุโมงค์สำหรับรถไฟ ที่จะเข้าไปเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟที่จังหวัดพิษณุโลก แต่ต่อมาทางจังหวัดตากพิจารณาว่า น่าจะก่อสร้างเป็นเส้นทางคู่ขนานที่ใช้งานได้ทั้งรถยนต์ และรถไฟควบคู่กัน โดยสภาพของเส้นทางจะเป็นทางตรงที่ลอดอุโมงค์ และบางจุดก็เป็นพื้นที่ถนน รวมถึงบางจุดก็ข้ามสะพาน โดยจะคล้ายๆ กับถนนจากคุณหมิงมายังสิบสองปันนาของจีน ชี้เส้นทางทะลุดันการค้าคึกคัก  ในการสร้างอุโมงค์จะช่วยย่นระยะทาง ในสภาพที่เป็นภูเขาชันของเส้นทางแม่สอดตากได้ โดยอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาด้าเนินการ ในการก่อสร้างให้ง่ายขึ้น โดยจะส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อระบบบโลจิสติกส์ โดยเฉพาะระหว่างไทยกับพม่าไปสู่ประเทศที่ 3 เชื่อมถนนสายเอเชีย 1 อีกทั้งขณะนี้เส้นทางเชื่อมต่อจากจังหวัดเมียวดี-กอกาเรก ที่รัฐบาลไทย สนับสนุนเงินก่อสร้างก็จะสร้างเสร็จแล้ว ซึ่งจะเป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างไทยกับย่างกุ้งของพม่าใกล้ที่สุด และเชื่อว่าหากระบบคมนาคมเส้นนี้มีความสะดวกขึ้น จะท้าให้บรรยากาศการค้าชายแดนคึกคัก โดยคาดว่าแนวโน้มตัวเลขการค้าชายแดนผ่านด่านแม่สอด-เมียวดีน่าจะมีมูลค่า ไม่ต่ำกว่าปีละ 100,000 ล้านบาท
ขณะนี้โครงการสร้างอุโมงค์ผ่านขึ้นตอนการศึกษาไปแล้ว ติดขัดเฉพาะงบประมาณด้าเนินการก่อสร้างที่ต้องเป็นไป ตามขั้นตอนของทางภาครัฐ แต่หากว่า จะมีภาคเอกชนทั้งไทย และต่างประเทศให้ความสนใจเข้าลงทุนในโครงการนี้ก็น่าจะทำให้มีโอกาสจะเกิดเป็นรูปธรรมได้เร็วขึ้น โดยอาจจะเป็นในรูปแบบของการสัมปทานเส้นทาง หรือการลงทุนร่วมกับภาครัฐก็มีความเป็นไปได้ เพราะในเชิงผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจะส่งผลดีมากกว่าผลเสีย และโดยเฉพาะเป็นการเตรียมความพร้อมในการเป็นประตูหน้าด่านเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านในกรอบของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนด้วย
นายวีระชัย ระก้าทอง ผู้อำนวยการ แขวงการทางตากที่ 2 (แม่สอด) กรมทางหลวง กล่าวว่า การเจาะอุโมงค์แม่สอด-ตากไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องมีการบูรณาการทุกภาคฝ่าย จากผลการศึกษาของทางจังหวัดตาก แต่เดิม มีการออกแบบเป็นอุโมงค์รถไฟที่มีขนาดกว้าง 10-15 เมตร ต่อมาอยากให้มีการก่อสร้าง ควบคู่ระหว่างเส้นทางถนน และรถไฟควบคู่กัน ที่มีขนาดอุโมงค์กว้าง 30-40 เมตร โดยไม่ใช่เป็นเส้นทางอุโมงค์ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง แต่จะมีการพิจารณาเจาะอุโมงค์ หรือสร้างสะพานตามสภาพพื้นที่ตามความเหมาะสม หากเกิดเป็นรูปธรรมได้จะก่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจหลายมิติ เพียงแต่โครงการนี้ใช้งบประมาณในการลงทุนจ้านวนมหาศาล อาจจะเป็นข้อจ้ากัดที่ท้าให้หลายฝ่ายต้องทำการศึกษาอย่างรอบคอบ
ก่อนหน้านี้ทั้งไทยและพม่า เห็นชอบ ร่วมกันในการพัฒนาเมืองคู่แฝดแม่สอด- เมียวดี โดยเชื่อว่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทยกับพม่าให้เพิ่มขึ้นอีกมาก ขณะนี้นักลงทุนตื่นตัวมากขึ้นในการเข้าไปซื้อที่ดินเพื่อลงทุนท้าธุรกิจ และมีการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ที่พักอาศัยเพิ่มอย่างรวดเร็ว
หอการค้า จ.ตาก ประเมินว่าว่า หลังจากก้าวสู่การเป็นประชาคม AEC ในปี 2558 มูลค่าการค้าชายแดนบริเวณ ด่านการค้าชายแดนแม่สอด-เมียวดีจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี สินค้าที่มีโอกาสขยายการส่งออกผ่านด่านชายแดนดังกล่าว จะเป็นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคทุกประเภท โดยชาวพม่าถือว่าสินค้าไทยเป็นสินค้ามีคุณภาพ


อ่านต่อ: http://www.thai-aec.com/923#ixzz3KoItNZH8